ดาวเทียมเป็นเครื่องมือทาง
อิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อน มีส่วนประกอบหลายๆ
อย่างประกอบเข้าด้วยกันและสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติ
สามารถโคจรรอบโลกด้วยความเร็วที่สูงพอที่จะหนีจาก
แรงดึงดูดของโลกได้ การสร้างดาวเทียมนั้นมีความพยายามออกแบบให้ชิ้นส่วนต่างๆ
ทำงานได้อย่างประสิทธิภาพมากที่สุด
และราคาไม่แพงมาก ดาวเทียมประกอบด้วยส่วนประกอบเป็นจำนวนมาก
แต่ละส่วนจะมีระบบควบคุมการทำงานแยกย่อยกันไป
และมีอุปกรณ์เพื่อควบคุมให้ระบบต่างๆ
ทำงานร่วมกัน โดยองค์ประกอบส่วนใหญ่ของดาวเทียมประกอบด้วยส่วนต่างๆ
ดังนี้
- โครงสร้างดาวเทียม
เป็นส่วนประกอบที่สำคัญมาก
โครงจะมีน้ำหนักประมาณ
15 - 25% ของน้ำหนักรวม ดังนั้น
จึงจำเป็นต้องเลือกวัสดุที่มีน้ำหนักเบา
และต้องไม่เกิดการสั่นมากเกินที่กำหนด
หากได้รับสัญญาณที่มีความถี่
หรือความสูงของคลื่นมากๆ
(amptitude)
- ระบบเครื่องยนต์ ซึ่งเรียกว่า
"aerospike" อาศัยหลักการทำงานคล้ายกับเครื่องอัดอากาศ
และปล่อยออกทางปลายท่อ
ซึ่งระบบดังกล่าวจะทำงานได้ดีในสภาพสุญญากาศ
ซึ่งต้องพิจารณาถึงน้ำหนักบรรทุกของดาวเทียมด้วย
- ระบบพลังงาน ทำหน้าที่ผลิตพลังงาน และกักเก็บไว้เพื่อแจกจ่ายไปยังระบบไฟฟ้าของดาวเทียม
โดยมีแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ไว้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ให้ดาวเทียม แต่ในบางกรณีอาจใช้พลังงานนิวเคลียร์แทน
- ระบบควบคุมและบังคับ
ประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ที่เก็บรวมรวมข้อมูล
และประมวลผลคำสั่งต่างๆ
ที่ได้รับจากส่วนควบคุมบนโลก
โดยมีอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ
(Radar System) เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร
- ระบบสื่อสารและนำทาง
มีอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน
ซึ่งจะทำงาน โดยแผงวงจรควบคุมอัตโนมัติ
- อุปกรณ์ควบคุมระดับความสูง
เพื่อรักษาระดับความสูงให้สัมพันธ์กันระหว่างพื้นโลก
และดวงอาทิตย์ หรือเพื่อรักษาระดับให้ดาวเทียมสามารถโคจรอยู่ได้
- เครื่องมือบอกตำแหน่ง
เพื่อกำหนดการเคลื่อนที่
นอกจากนี้ยังมีส่วนย่อยๆ
อีกบางส่วนที่จะทำงานหลังจาก
ได้รับการกระตุ้นบางอย่าง
เช่น ทำงานเมื่อได้รับสัญญาณ
สะท้อนจากวัตถุบางชนิด
หรือทำงานเมื่อได้รับลำแสงรังสี
ฯลฯ
ชิ้นส่วนต่างๆ ของดาวเทียมได้ถูกทดสอบอย่างละเอียด
ส่วนประกอบต่างๆ ถูกออกแบบสร้าง
และทดสอบใช้งานอย่างอิสระ
ส่วนต่างๆ ได้ถูกนำมาประกอบเข้าด้วยกัน
และทดสอบอย่างละเอียดครั้งภายใต้สภาวะที่เสมือนอยู่ในอวกาศก่อนที่มัน
จะถูกปล่อยขึ้นไปในวงโคจร ดาวเทียมจำนวนไม่น้อยที่ต้องนำมาปรับปรุงอีกเล็กน้อย
ก่อนที่พวกมันจะสามารถทำงานได้
เพราะว่าหากปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรแล้ว
เราจะไม่สามารถปรับปรุงอะไรได้
และดาวเทียมต้องทำงานอีกเป็นระยะเวลานาน
ดาวเทียมส่วนมากจะถูกนำขึ้นไปพร้อมกันกับจรวด
ซึ่งตัวจรวดจะตกลงสู่มหาสมุทรหลังจากที่เชื้อเพลิงหมด
วงโคจรของดาวเทียม
วงโคจรดาวเทียม (Satellite Orbit) เมื่อแบ่งตามระยะความสูง
(Altitude) จากพื้นโลกแบ่งเป็น
3 ระยะคือ
1 วงโคจรระยะต่ำ
(Low Earth Orbit "LEO")
อยู่สูงจากพื้นโลกไม่เกิน
1,000 กม. ใช้ในการสังเกตการณ์
สำรวจสภาวะแวดล้อม, ถ่ายภาพ
ไม่สามารถใช้งานครอบคลุมบริเวณใดบริเวณหนึ่งได้ตลอดเวลา
เพราะมีความเร็วในการเคลื่อนที่สูง
แต่จะสามารถบันทึกภาพคลุมพื้นที่ตามเส้นทางวงโคจรที่ผ่านไป
ตามที่สถานีภาคพื้นดินจะกำหนดเส้นทางโคจรอยู่ในแนวขั้วโลก
(Polar Orbit) ดาวเทียมวงโคจรระยะต่ำขนาดใหญ่บางดวงสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในเวลาค่ำหรือก่อนสว่าง
เพราะดาวเทียมจะสว่างเป็นจุดเล็ก
ๆ เคลื่อนที่ผ่านในแนวนอนอย่างรวดเร็ว
2 วงโคจรระยะปานกลาง
(Medium Earth Orbit "MEO")
อยู่ที่ระยะความสูงตั้งแต่
1,000 กม. ขึ้นไป ส่วนใหญ่ใช้ในด้านอุตุนิยมวิทยา
และสามารถใช้ในการติดต่อสื่อสารเฉพาะพื้นที่ได้
แต่หากจะติดต่อให้ครอบคลุมทั่วโลกจะต้องใช้ดาวเทียมหลายดวงในการส่งผ่าน
3 วงโคจรประจำที่
(Geostationary Earth Orbit "GEO")
เป็นดาวเทียมเพื่อการสื่อสารเป็นส่วนใหญ่
อยู่สูงจากพื้นโลกประมาณ
35,780 กม. เส้นทางโคจรอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตร (Equatorial Orbit) ดาวเทียมจะหมุนรอบโลกด้วยความเร็วเชิงมุมเท่ากับโลกหมุนรอบตัวเองทำให้ดูเหมือนลอยนิ่งอยู่เหนือ
จุดจุดหนึ่งบนโลกตลอดเวลา
(เรียกทั่ว ๆ ไปว่า "ดาวเทียมค้างฟ้า")
ดาวเทียมจะอยู่กับที่เมื่อเทียบกับโลกมีวงโคจรอยู่ในระนาบเดียวกันกับเส้นศูนย์สูตร
อยู่สูงจากพื้นโลกประมาณ
35,786 กม. วงโคจรพิเศษนี้เรียกว่า
“วงโคจรค้างฟ้า” หรือ
“วงโคจรคลาร์ก” เพื่อเป็นเกียรติแก่นาย
อาร์เทอร์ ซี. คลาร์ก ผู้คนพบวงโคจรนี้
วงโคจรคลาร์ก เป็นวงโคจรในระนาบเส้นศูนย์สูตร
(EQUATOR) ที่มีความสูงเป็นระยะที่ทำให้ดาวเทียมที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเชิงมุม
เท่ากันกับการหมุนของ
โลกแล้วทำให้เกิดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางมีค่าพอดีกับค่าแรงดึงดูดของโลกพอดีเป็นผลให้ดาวเทียมดูเหมือนคงอยู่กับที่
ณ ระดับความสูงนี้ ดาวเทียมค้างฟ้า
ส่วนใหญ่ใช้ในการสื่อสารระหว่างประเทศและภายในประเทศ
เช่น ดาวเทียมอนุกรม
อินเทลแซต
ประเภทของดาวเทียม
- ดาวเทียมสื่อสาร
- ดาวเทียมสำรวจ
- ดาวเทียมพยากรณ์อากาศ
- ดาวเทียมทางการทหาร
- ดาวเทียมด้านวิทยาศาสตร์
การแบ่งประเภทตามการใช้งาน
ดาวเทียมสามารถแบ่งประเภทการใช้งานได้
เช่น
- ดาวเทียมที่ใช้ในการสื่อสารแบบจุดต่อจุด
เช่น PALAPA THAICOM
- ดาวเทียมสื่อสารระหว่างดาวเทียม
เช่น TDRS
- ดาวเทียมเพื่อการสื่อสารเคลื่อนที่บนบก
ในน้ำ และในอากาศ เช่น
INMASAT
- ดาวเทียมเพื่อการสื่อสารวิทยุกระจายเสียง
และวิทยุโทรศัพท์ เช่น
ASTRA
- ดาวเทียมเพื่อการสำรวจโลก
สำรวจทรัพย์ยากรธรรมชาติ
เช่น LANDSAT
- ดาวเทียมเพื่อการสำรวจอวกาศ
เช่น METEOR EXPLORER
- ดาวเทียมเพื่อการพยากรณ์อากาศ
เช่น GMS NOAA 6-9
- ดาวเทียมเพื่อการปฏิบัติในห้วงอวกาศ
เช่น SPAS SKYLAB
- ดาวเทียมเพื่อกิจการวิทยุสมัครเล่น
เช่น JAS-1 JAS-2 AO-40
- ดาวเทียมเพื่อการกำหนดตำแหน่ง
เช่น NAVSTAR
- ดาวเทียมเพื่อการนำร่องเรือ
และ อากาศยาน เช่น TRANSIT COSMOS